18 ประเภท เมนูกาแฟมีอะไรบ้าง ? และประโยชน์ของกาแฟที่น่ารู้

Publsihed Date : 2024-11-16

Tag : กาแฟ

18 ประเภท เมนูกาแฟมีอะไรบ้าง ? และประโยชน์ของกาแฟที่น่ารู้

กาแฟเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยมมากที่สุดในโลก ร้านกาแฟสามารถพบเห็นได้แทบทุกมุมของสี่แยก เชื่อว่าในทุกวันนี้ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องมีโอกาสได้ลิ้มลองรสชาติของกาแฟกันไปบ้างแล้ว ไม่ว่าคุณจะมาจากสายคาเฟ่ สายกาแฟ หรือแม้แต่สายถ่ายรูป แต่หากคุณยังเป็นมือใหม่ ยังไม่มั่นใจว่าที่ได้ลองไปนั้นคือเมนูกาแฟอะไร ในบทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 18 ประเภทเมนูกาแฟยอดนิยมและประโยชน์ของกาแฟที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

หากใครกำลังมองหาคาเฟ่ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ร้านกาแฟอร่อยๆ มีอาหารเช้า บรรยากาศสบายๆ ไม่เหมือนใคร สามารถแวะมาที่คาเฟ่ Raydus ของเราได้เลยนะ

Coffee guide

1. เอสเพรสโซ่ (Espresso)

เอสเพรสโซ่เป็นหัวใจของเมนูกาแฟหลายๆ ชนิด เพราะเป็นเพียงกาแฟช็อตเพียวๆ ไม่ได้มีการปรุงแต่งอะไรเพิ่มเติม เป็นกาแฟเข้มข้นที่ได้จากการสกัดผ่านการบีบอัดจากน้ำร้อนแรงดันสูงให้ไหลผ่านเมล็ดกาแฟระหว่างการบด เอสเพรสโซ่มีรสชาติเข้มข้น หอมกรุ่น และมีครีม (ฟองครีมสีน้ำตาลทอง) บนผิวหน้า ปกติจะเสิร์ฟแบบร้อนและในถ้วยกาแฟขนาดเล็กเท่านั้น

2. คาปูชิโน่ (Cappuccino)

คาปูชิโน่เป็นเมนูกาแฟที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ประกอบด้วยเอสเพรสโซ่ นมร้อน และฟองนมที่เข้มข้น โดยมีสัดส่วนที่เท่ากันคือ 1:1:1 โดยขั้นตอนการทำคาปูชิโน่นั้นจะเริ่มจากการใส่ช็อตเอสเพรสโซ่ลงไปก่อน จากนั้นตามด้วยนมร้อน และปิดท้ายด้วยการเติมฟองนมด้านบน คาปูชิโน่มีรสชาติที่นุ่มนวลและมีกลิ่นหอมของกาแฟที่โดดเด่น

3. อเมริกาโน่ (Americano)

อเมริกาโน่ทำจากการผสมเอสเพรสโซ่กับน้ำร้อน เป็นเมนูกาแฟที่ถือว่าเรียบง่ายแต่ได้รสชาติเข้มข้น เพราะเพียงใช้น้ำในการเจือจางรสชาติขมของกาแฟให้ดื่มได้ง่ายขึ้น แต่ไม่มีความหวานจากนมหรือครีมเข้ามาปนแต่อย่างใด เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติกาแฟแท้ๆ ปกติจะเสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อนและเย็น

4. แฟลตไวท์ (Flat White)

แฟลตไวท์เป็นเมนูกาแฟที่มีต้นกำเนิดจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ประกอบด้วยเอสเพรสโซ่และนมร้อนที่ตีจนเนียนละเอียด โดยมีปริมาตรกาแฟและนมร้อน 1:3 ให้รสชาติที่นุ่มนวลและสมดุล เหมาะสำหรับคนที่ชอบดื่มกาแฟนม ไม่ข้น ไม่หวานจนเกินไป

5. ลาเต้ (Latte)

ลาเต้เป็นเมนูกาแฟที่ประกอบด้วยเอสเพรสโซ่และนมร้อนตีละเอียดในอัตราส่วน 1:2 หรือ 1:3 เหมือนกันกับเมนูกาแฟ แฟลตไวท์เพียงแต่เมนูลาเต้จะมีการเพิ่มฟองนมบางๆ ด้านบนเข้ามาเท่านั้น ให้รสชาติและสัมผัสที่นุ่มนวลและเบาจากฟองนมที่สัมผัสริมฝีปาก แต่รสชาติจะมีความเข้มข้นกว่า Flat White เนื่องจากปริมาณนมที่น้อยกว่า

6. กาแฟ เบรเว (Coffee Breve)

กาแฟ เบรเวเป็นเมนูกาแฟที่คล้ายกับลาเต้ แต่ใช้ครีมแทนนม โดยครีมที่ว่านี้ศัพท์กาแฟจะเรียกว่า Half and Half หรือ ครึ่ง-ครึ่ง ซึ่งมีความหมายว่า นมครึ่งหนึ่งและครีมครึ่งหนึ่ง โดยครีมจะมีไขมันนมระหว่าง 10-18% ซึ่งจะทำให้ตัวกาแฟมีรสชาติที่เข้มข้นและมันกว่า เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติหวานมันของครีม

7. ไอริชคอฟฟี่ (Irish Coffee)

ไอริชคอฟฟี่เป็นเมนูกาแฟที่ผสมกับวิสกี้ไอริช น้ำตาล และวิปครีม เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่นำกาแฟและแอลกอฮอล์มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เมื่อดื่มเข้าไปจะให้ความรู้สึกอบอุ่น มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ กลิ่นหอม เหมาะสำหรับการดื่มในช่วงเย็นหรือค่ำ อย่างไรก็ดี Irish Coffee อาจไม่สามารถพบได้ตามร้านกาแฟทั่วไป เนื่องจากกาแฟประเภทนี้นับเป็นเมนูคอกเทล

8. มอคค่า (Mocha)

มอคค่าถือเป็นเมนูกาแฟยอดนิยมของคนไทยเนื่องจากเป็นเมนูที่ดื่มง่าย มีความอร่อย หวาน หอมจากช็อกโกแลต เป็นเมนูกาแฟที่ผสมผสานระหว่างเอสเพรสโซ่ 1/4 นมร้อน 2/4 และช็อกโกแลต 1/4 เหมาะสำหรับคนที่ชอบความหวานและรสชาติของช็อกโกแลต

9. มัคคิอาโต้ (Macchiato)

มัคคิอาโต้เป็นเมนูกาแฟที่ประกอบด้วยเอสเพรสโซ่และนมร้อนเพียงเล็กน้อย คำว่า “มัคคิอาโต้” ในภาษาอิตาเลียนแปลว่า “เปื้อน” หมายถึงการเติมนมเพียงเล็กน้อยลงในเอสเพรสโซ่ ซึ่งจะมีอัตราส่วนอยู่ที่ 1:1 ปริมาตรรวมทั้งหมดอยู่ประมาณครึ่งแก้วเพียงเท่านั้น

10. เฟรปเป้ (Frappe)

เฟรปเป้ หรือกาแฟปั่นเป็นเมนูกาแฟเย็นยอดนิยมของคนไทยเนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อน ทำให้การดื่มกาแฟปั่นสามารถช่วยดับกระหาย สดชื่นและช่วยให้กระชุ่มกระชวย เฟรปเป้ทำจากการปั่นกาแฟ นม น้ำแข็ง และอาจเพิ่มไซรัป วิปครีม หรือรสชาติอื่น ๆ ตามความชอบ

11. คอนพันนา (Con Panna/Vienna)

Con Panna หรือที่รู้จักกันในชื่อ Vienna เป็นเมนูกาแฟที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี คำว่า “Con Panna” ในภาษาอิตาลีแปลว่า “พร้อมครีม” ซึ่งบ่งบอกถึงลักษณะเด่นของเมนูนี้ได้เป็นอย่างดี Con Panna เป็นเมนูที่มีครีมโปะไว้อยู่ด้านบนเอสเพรสโซ่ เหมาะกับคนที่ชอบดื่ม Espresso แต่อยากลองอะไรใหม่ ๆ หรือคิดว่า Espresso นั้นดื่มยากเกินไป ต้องการรสชาติอื่นมาผสมให้ความเข้มข้นนั้นเบาบางลง

12. คอเร็ทโต้ (Corretto)

Corretto กาแฟผสมเหล้าสไตล์อิตาเลียน เป็นเมนูกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีการเทผสมเหล้าลงไปในกาแฟ ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นและมีกลิ่นหอมของแอลกอฮอล์ เมนูกาแฟนี้ชาวอิตาลีนิยมดื่มหลังอาหารเย็น

13. เฟรดโด (Freddo)

Freddo หรือง่าย ๆ ก็คือเมนูกาแฟเย็นนั่นเอง แต่เป็นเมนูกาแฟที่มีวิธีชงโดยการนำเอากาแฟ Espresso และน้ำเชื่อม (จะมีน้ำแข็งหรือไม่มีน้ำแข็งก็ได้) มาผสมกันในกระบอกคอกเทล เขย่าให้เข้ากันและนำมาเสริฟ์ทันทีโดยจะเรียกว่า Freddo Espresso และหากเติมนมเข้าไปก็จะกลายเป็น Freddo Cappuccino เมนูนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศกรีก เนื่องจากเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนอบอ้าว

14. กาเลา (Galao)

Galao มีลักษณะคล้ายกับ Latte แต่มีสัดส่วนของเอสเพรสโซ่ต่อฟองนมที่ 1:3 มากกว่ากาแฟ Latte มักถูกเสริฟ์ในแก้วที่ยาวสูง เป็นเมนูกาแฟที่ได้รับความนิยมในประเทศโปรตุเกส

15. กลาเซ่ (Glace)

Glace หรือ Café Glace ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “กาแฟเย็น” เป็นเมนูกาแฟที่พูดได้ว่าเป็นของหวานชนิดหนึ่ง Glace มีส่วนผสมจากเอสเพรสโซ่และไอศกรีม 1:3 และท้อปปิ้งด้วยช็อกโกแลต ด้วยรสชาติความหวาน มันจากไอศกรีม และความหอมจากกาแฟ เมนูนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่รักในความหวานและต้องการความสดชื่น

16. ลุ่งโก่ (Lungo)

Lungo ในภาษาอิตาลี แปลว่า “ยาว” เป็นเมนูกาแฟที่มีลักษณะคล้ายเอสเพรสโซ่ แต่ใช้น้ำในการบดและไหลผ่านเมล็ดมากกว่าและยาวนานกว่า ทำให้ได้ปริมาณกาแฟที่มากขึ้นและรสชาติที่อ่อนลงเล็กน้อย

17. รัฟ (Raf)

Raf หรือ Raf Coffee เป็นเมนูกาแฟที่มีต้นกำเนิดจากประเทศรัสเซีย (Кофе Раф) มีลักษณะเด่นคือการใช้ครีมนมสดหรือครีมพร่องมันเนยปั่นเข้ากับน้ำตาลวานิลลาด้วยกันจนเป็นโฟมเนื้อเนียนฟูขึ้นมา โดยจะมีสัดส่วนของเอสเพรสโซ่ต่อครีมปั่นและน้ำตาลวานิลลาอยู่ที่ 1:3:1 เมนู Raf มีรสชาติหอมหวานจากวานิลลา และสัมผัสที่เนียนนุ่มจากการตีปั่นของครีมนมสด

18. ริสเทรตโต้ (Ristretto)

Ristretto เป็นเมนูกาแฟที่มีความเข้มข้นมากที่สุดในบรรดากาแฟทั้งหมด โดยใช้ปริมาณกาแฟเท่ากับเอสเพรสโซ่ แต่ใช้น้ำในการชงน้อยกว่า

10 ประโยชน์ของกาแฟมีอะไรบ้าง ?

  1. เพิ่มพลังงานและความตื่นตัว: คาเฟอีนในกาแฟช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกตื่นตัวและมีสมาธิมากขึ้น
  2. เพิ่มอัตราการเผาผลาญ: กาแฟช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญ ซึ่งอาจช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
  3. ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2: การศึกษาพบว่าการดื่มกาแฟเป็นประจำ 4 ถ้วยต่อวัน สามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ลงไปได้ถึง 23%
  4. ป้องกันโรคอัลไซเมอร์: สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟอาจช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์สมอง ลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์
  5. ลดความเสี่ยงของโรคตับ: การดื่มกาแฟอาจช่วยป้องกันโรคตับแข็งและมะเร็งตับ
  6. เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย: คาเฟอีนช่วยเพิ่มพลังงานและความทนทานในการออกกำลังกาย
  7. แหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ: กาแฟอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยต่อต้านการอักเสบและชะลอวัย
  8. ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ: การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
  9. ช่วยในการขับถ่าย: กาแฟมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยในการขับถ่าย
  10. เพิ่มความสุข: การดื่มกาแฟอาจช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าและเพิ่มความรู้สึกเป็นสุข

เมนูกาแฟสามารถทำออกมาได้หลากหลายรูปแบบ อย่าง 18 เมนูกาแฟที่เรายกมาแนะนำในบทความนี้นั้นล้วนมีรูปลักษณ์และรสชาติที่ต่างกัน ประโยชน์ของกาแฟที่มีต่อสุขภาพนั้นก็มากมายเช่นกัน ดังนั้นการเลือกดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมต่อวันและเลือกเมนูที่ถูกใจ จะสามารถช่วยเติมเต็มความสุขทั้งทางกายและจิตใจของคุณได้อย่างแน่นอน